กระผมนายนิพนธ์ บุญญามณี สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ใคร่ขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนและพี่น้องชาวจังหวัดสงขลาทุกท่าน ที่ได้ให้ความกรุณาสนับสนุนกระผมและไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ กระผมได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนด้วยความสำนึกของความเป็นผู้แทนราษฎรด้วยดีตลอดมา การสนับสนุนของท่านทั้งหลายเป็นสิ่งที่มีค่าสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเสมือนหนึ่งพันธสัญญาที่กระผมได้ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน



วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

มติที่ประชุมปชป.ตั้งกก.3ชุดเดินหน้าทำงาน

ประชุมใหญ่สามัญประจำปีปชป. รายงานยอดสมาชิก 2.8 ล้านคน เลือกตั้ง กก.3 ชุด เดินหน้าทำงานพรรค 
ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ ​นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม ​ได้รับรองรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 54  และการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้พรรคมีสมาชิกทั้งหมด 2,879,117 คน นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการแก้ไขข้อบังคับพรรคตามที่คณะกรรมการ บริหารพรรคเห็นชอบใน 2 ข้อหลัก คือ 1.คณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยตามข้อบังคับในปัจจุบันมีกรรมการ เพียง 9 คน ทางคณะกรรมการฯเห็นว่าสามารถดึงบุคลากรภายในพรรค เข้ามามีส่วนร่วมได้มากขึ้น จึงเสนอแก้ไขข้อบังคับให้มีจำนวน 15 คน ซึ่งเมื่อสมาชิกเห็นชอบต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง
ทั้งนี้​ สมาชิกได้ทำการลงคะแนนลับเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการ3 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง คณะกรรมการนโยบายพรรค และคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรค โดยผลปรากฏว่า คณะกรรมาธิการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 9 คนผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งประกอบด้วย 1.นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน 3.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน 4.นายกรณ์ จาติกวิณิช 5.นายอลงกรณ์ พลบุตร 6.นายนิพนธ์ บุญญามณี 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายวิฑูรย์ นามบุตร 9.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
ขณะที่ คณะกรรมนโยบายพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 15 คนผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งประกอบไปด้วย 1.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ 2.นายจุติ ไกรฤกษ์ 3.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 4.นายเกียรติ สิทธีอมร 5.นายชำนิิ ศักดิเศรษฐ 6.นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค 7.ดร.ผุสดี ตามไท 8.นายศุภชัย ศรีหล้า 9.นายกนก วงศ์ตระหง่าน 10.นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม 11.นายสรรเสริญ สมะลาภา 12.นายสาธิต ปิตุเตชะ 13.นายพีรยศ ราฮิมมูลา 14.นายนราพัฒน์ แก้วทอง 15.นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี
 ​
สำหรับคณะ กรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคจำนวน 9 คน ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งประกอบไปด้วย 1.นายวิทยา แก้วภราดัย 2.คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช 3.นายอาคม เอ่งฉ้วน 4.นายนิพิฎฐ์  อินทรสมบัติ 5.นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร 6.นางอานิก อัมระนันทน์ 7.นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร 8.นายณัฐ บรรทัดฐาน 9.นายแทนคุณ จิตต์อิสระ
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า ​ในช่วงบ่ายนี้จะมีการเริ่มต้นในการทำสมัชชาพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่พรุ่งนี้(31 มี.ค.)จะมีการประกาศแนวทางต่อไป โดยการหารือในครั้งนี้จะระดมความคิดเห็นของประชาชนเพื่ออนาคตของประเทศ เพราะขณะนี้คนจำนวนมากทราบดีว่าเราอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะการเมืองกลายเป็นเรื่องผลประโยชน์ เป็นเรื่องการช่วงชิงอำนาจอย่างเดียว แต่ปัญหาเศรษฐกิจถูกทิ้งไว้ รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมในระดับโครงสร้างก็ไมได้รับการแก้ไข ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะหารือถึงการออกแบบประเทศไทย เพื่อให้เห็นว่าอนาคตของประเทศไทยที่ควรจะเป็นเป็นอย่างไรเพื่อนำไปสู่การ เดินหน้าร่วมกัน

โพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 2 Money Expo Hatyai 2012 โดยมี นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายจรัมพร โชติกเสถียรกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ นายสรสิทธิ สุนทรเกศ รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา นายสมบูรณ์ พฤกษานุศักดิ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรม นายพิชิต เรืองแสงวัฒนา รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และนายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานบรรณาธิการ การเงินธนาคาร และประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo ร่วมพิธีเปิดงาน          สำหรับ งานมหกรรมการเงิน หาดใหญ่ ครั้งที่ 2 Money Expo Hatyai 2012 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ภายใต้แนวคิด “การเงินดีชีวิตดี : Better Money Better Life”

ที่มา:http://www.thaipr.net

'นิพนธ์ บุญญามณี'กับ...ปาฏิหาริย์พระหลวงพ่อทวดนับครั้งไม่ถ้วน


หากเอ่ยถึงชื่อของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่าคงมีหลายคนที่มีชื่ออันเป็นที่รู้จักของคอการเมืองมากมาย ทั้งโดยเฉพาะฝีไม้ลายมือจากผลงานอันโดดเด่นทั้งในและนอกสภา จากการทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นเชื่อว่าคงต้องมีนามของ “นายนิพนธ์ บุญญามณี” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๘ สมัยจาก จ.สงขลา รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
 
              ปัจจุบัน “นายนิพนธ์” ยังเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายและบริหารงบประมาณ ในคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งยังผ่านตำแหน่งระดับสูงระดับรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง ตลอดระยะเวลาการทำหน้าที่ผู้แทนบนถนนสายการเมืองระดับชาติ ผลงานมากมายที่ติดตาคอข่าวการเมืองไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายในรัฐสภาที่มีลีลา เด็ดดวง รวมไปถึงการทำหน้าที่นักการเมืองระดับชาติ ที่มีเอกลักษณ์และบุคลิกภาพที่สุขุม ลุ่มลึก แต่แฝงไปด้วยความตรงไปตรงมาชนิดยอมหัก ไม่ยอมงอ ทำให้กลายเป็นขวัญใจของชาวสงขลามาอย่างยาวนาน
 
              ด้วยความที่เป็นคนตรงดุจไม้บรรทัด ยามที่เห็นสิ่งใดไม่ถูกไม่ควรมักจะเดินเข้าไปจัดการแก้ไขให้ทุกอย่างเป็นไป ตามครรลองเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ยังชอบทำงานเพื่อสังคมชนิดถึงไหนถึงกัน ขอให้รู้ข่าวความเดือดร้อนของชาวบ้าน “นายนิพนธ์” จะบุกไปคลี่คลายความเดือดร้อนทุกที่ทันทีที่รู้ข่าว
 
              ดังนั้น สิ่งที่ทำให้ผู้แทนจาก จ.สงขลา คนนี้ มีกำลังใจก้าวเดินหน้าท้าชนกับปัญหาที่ก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนได้ทุก เรื่อง นั่นคือ “พระเครื่อง” เพราะไม่ใช่มั่นใจว่ามีพระดี แต่เชื่อว่าหากไปทำความดี “พระย่อมคุ้มครองคนตั้งใจดี” อย่างแน่นอน ซึ่งทุกครั้งก็ได้ประจักษ์ในสิ่งที่เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน นั่นคือ การพาชาวบ้านผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ มาได้ด้วยดีเสมอ
 
              นายนิพนธ์ บอกว่า "พระเครื่องหรือวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นด้วยพระผู้มีวัตรปฏิบัติงดงาม รวมถึงเจตนาอันดีในการจัดสร้าง ล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ ดังนั้นสิ่งมงคลในองค์พระจะคุ้มครองผู้กระทำดีเสมอ ขอให้เชื่อมั่น และไม่กระทำตนให้นอกลู่นอกทาง ชีวิตจะปรากฏแต่สิ่งดีแน่นอน”
 
              ในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจะขวนขวาย หรือแสวงหาพระดี พระเด่น หรือพระดัง มาอยู่กับตัวมากแค่ไหน ก็ตาม หากไม่ยึดปฏิบัติในกรอบแห่งความดี หรือกระทำแต่สิ่งที่ผิดศีลธรรมอันดีงาม ทั้งในทางโลกและทางธรรม  ก็คงไม่มีประโยชน์อันใดที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองให้ชีวิตของบุคลนั้นๆ ได้ดี หรือประสบความสำเร็จ เข้าตำราที่ว่า “พระไม่คุ้มครองคนชั่ว” นั่นเอง
 
              ด้วยความที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นชาวสมิหลา สงขลา โดยกำเนิด ทำให้ตั้งแต่เกิดมามี "พระหลวงพ่อทวด" คล้องคอมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งในสมัยนั้นจำความได้ว่า ชีวิตรอดพ้นอุบัติเหตุมาหลายครั้งหลายคราวนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ทั้งเรื่องรถรา หรือแม้กระทั่งพลัดตกจากต้นไม้ ซึ่งไม่เคยมีบาดแผลปรากฏติดตัวมาเลย
 
              เมื่อครั้งเป็นเด็ก พระที่ห้อยคอติดตัวมีทั้ง พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ รวมถึงเหรียญรุ่นแรก  และรุ่นอื่นๆ ที่ทัน “พระอาจารย์ทิม” อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้เป็นผู้ปลุกเสก ต่อมาเมื่อโตเป็นหนุ่ม กระทั่งเข้าสู่เส้นทางการเมือง จึงหันมาแขวน “เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์” ปี ๒๕๐๘ ซึ่งเป็นเหรียญที่อาราธนาติดตัวเป็นประจำ จนถึงทุกวันนี้
 
              “หลวงพ่อทวดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กับคนใต้และคนสงขลาชนิดแยกกันไม่ออก และที่สำคัญผมมั่นใจว่าชาวพุทธแทบทุกคน และทุกบ้านต้องรู้จักและมีพระหลวงพ่อทวด บูชาเพื่อเป็นสิริมงคล เฉกเช่นเดียวกับครอบครัวผมอย่างแน่นอน พระหลวงพ่อทวดไม่เคยห่างตัวผมเลย เพราะนอกจากชีวิตจะแคล้วคลาดภัยอันตรายแล้ว  ยังมีความเจริญรุ่งเรืองมาตลอดอีกด้วย โดยเฉพาะการนำพาผมเข้าสู่เส้นทางการเมือง จวบจนกระทั่งทุกวันนี้”  นายนิพนธ์ กล่าวยืนยัน
 
              นอกจาก เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี ๒๕๐๘ แล้ว ยังมี "พระซุ้มกอ เมืองกำแพงเพชร”  และ “ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป" ของ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ซึ่งถือเป็นพระเครื่องและวัตถุมงคลที่อยู่คู่กายมาหลายสิบปี แม้จะมีพระอื่นๆ อีกหลายชุด แต่ชุดนี้มีประสบการณ์แคล้วคลาด และเกิดเรื่องดีๆ กับตัวมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
 
              “พระเครื่องย่อมคุ้มครองคนธรรมดี ฉะนั้น บุคคลคนนั้นย่อมต้องสร้างกรรมดีเพื่อทดแทนพระคุณให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเสริมแรงและสร้างบารมี เพื่อในวันข้างหน้าบุญกุศลเหล่านั้นจะกลับมาปกปักษ์รักษาให้เราเองก้าวพ้น เภทภัยได้นั่นเอง” นายนิพนธ์ กล่าว

              ทั้งนี้ นายนิพนธ์  พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือประชาคนธรรมดา ย่อมถวิลหาพระเครื่อง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอยู่กับตัวด้วยกันทั้งสิ้น แต่อยากให้ทุกคนหันกลับไปมองของดีใกล้ตัว ที่ใครๆ ก็มีเหมือนกันทุกคน นั่นคือ “บิดา” และ  "มารดา” ซึ่งถือเป็น "พระในบ้าน” หากใครกราบเคารพบูชาพ่อและแม่ เชื่อเถิดว่า ชีวิตจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน”
 
              ในฐานะ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งเป็นคนพื้นเพภาคใต้ ทำให้ "นายนิพนธ์" ได้เข้าไปมีส่วนขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ตลอดช่วงเวลา ๗-๘ ปี ที่ผ่านมา อย่างต่อเนื่อง จนขึ้นชื่อว่า เป็นบุคคลหนึ่งที่คร่ำหวอดอยู่ในพื้นที่ปลายด้านขวาน ด้วยเป้าหมายหลักที่ต้องการนำความสันติสุขกลับคืนมาสู่ประชาชนในพื้นที่โดย เร็ว นั่นเอง
 
              ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความเข้าใจสถานการณ์ในหลากหลายมิติ กระทั่งได้เป็นส่วนหนึ่งของการพลิกฟื้นให้เกิด "ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้" หรือ ศอ.บต. ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อวางรากฐานการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่มีระบบ ขั้นตอนและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
              จนการเลือกตั้งในช่วงกลางปี ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ได้เข้ามาบริหารจัดการดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถนำทีมพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งมากถึง ๙ ที่นั่ง จากจำนวน ๑๑ ที่นั่ง แม้ว่าบนเส้นทางการเมืองจะไม่สามารถจัดตั้งเป็นรัฐบาลได้ แต่ด้วยความเข้าใจและความห่วงใยในสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ทำให้ยังคงต้องเดินหน้าติดตามและดูแลปัญหาอย่างเนืองๆ โดยเฉพาะความห่วงใยในประเด็นความไม่เป็นธรรม ตลอดจนการสร้างความชอบธรรมให้กับสังคมในพื้นที่ รวมถึงการดูแลมาตรการการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งต้องได้รับความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียมกัน

              "ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ เกิดจากสังคมชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรของรัฐในอดีต ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด คือ ต้องสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในพื้นที่ให้จงได้ ดังนั้นเงื่อนไขใดๆ ก็ตาม ที่นำมาสู่การขัดแย้งและไม่เป็นธรรม รัฐบาลต้องเลี่ยงให้ไกล เพื่อหันหน้านำความเป็นธรรม และความเท่าเทียมกัน มาสู่สังคมปลายด้ามขวานอย่างแท้จริง" นายนิพนธ์ กล่าว

ที่มา:เว็บไซต์เครือเนชั่น

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

นายใหญ่สงขลาฉุน!จ่อฟ้องส.บอลไทย

นิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสร สงขลา เอฟซี ยันเตรียมยื่นเรื่องฟ้องสมาคมฟุตบอลฯ หลังมีแนวโน้มชวดเล่นไทยพรีเมียร์ลีก ย้ำที่ทำทั้งหมด เพื่อให้พี่น้องชาวใต้ได้ชมเกมฟุตบอลระดับไทยลีก และหวังได้รับความเป็นธรรม
หลังจากที่สมาคมฟุตบอลมีการ ประชุมเพื่อพิจารณากรณีการโอนหุ้นของสโมสร บุรีรัมย์ เอฟซี ให้กับ สงขลา เอฟซี โดยมีบทสรุปว่า การโอนหุ้นสามารถทำได้ตามกฎหมายเพ่งและพานิชย์ แต่การที่ สงขลา เอฟซี จะเล่นในศึกไทยพรีเมียร์ลีกนั้นจะต้องเล่นที่ จ.บุรีรัมย์ เท่านั้น และห้ามเปลี่ยนชื่อเป็น สงขลา เอฟซี ตามกฏของทีมที่มาจากลีกภูมิภาค

ล่าสุด นายนิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสร สงขลา เอฟซี ออกมาเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า "ตนเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เนื่องจากก่อนที่จะเราจะทำการซื้อหุ้นของสโมสร บุรีรัมย์ เอฟซี นั้นได้มีการศึกษากฎระเบียบของสมาคมแล้ว และทางสมาคมฯก็บอกมาตลอดว่าหากเป็นนิติบุคคลสามารถโอนหุ้นได้ และเมื่อเราทำตามทุกอย่างกลับมาเป็นแบบนี้"
"ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจทำใมจึงมีบทสรุปแบบนี้ โดยสิ่งที่ตนอยากจะยกมาเป็นตัวอย่างกรณีของทีม บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่ซื้อสิทธิ์จากกรุงไทยรวมถึงทีมที่ย้ายไปเล่นหลายจังหวัดอย่าง ทีทีเอ็ม พิจิตร หรืออย่างกรณีของ ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ที่ล่าสุดจะย้ายไปเล่นที่จ.อุบลราชธานี แทน"

"สำหรับ เหตุผลที่สมาคมบอกว่า หากเราจะเล่นในศึกไทยพรีเมียร์ลีก จะต้องเล่นที่จังวัดบุรีรัมย์เท่านั้น เนื่องจากมีกฎชัดเจนว่าทีมทีมที่มาจากลีกภูมิภาคไม่สามารถย้ายไปเล่นจังหวัด อื่นได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าการที่สโมสร บุรีรัมย์ เอฟซี อยู่ในการแข่งขันดิวิชั่น 1 และได้มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว น่าจะทำให้เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล เพราะเรามีการซื้อหุ้นร้อยเปอร์เซ็นแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็เตรียมที่จะพูดคุยกับฝ่ายกฎหมายเพื่อทำเรื่องฟ้องสมาคมฟุตบอล ต่อไป เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งเรื่องการเตรียมทีม และงบประมาณที่ลงไป"

นายใหญ่ สงขลา เอฟซี ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "อย่างที่ตนพูดมาตลอดการที่ตัดสินใจซื้อหุ้นสโมสร บุรีรัมย์ เอฟซี นั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนฟุตบอลลีกโดยเฉพาะภาคใต้ที่จะได้มีโอกาสได้ชมการแข่ง ขันระดับไทยพรีเมียร์ลีก และทางสมาคมก็ให้การสนับสนุนมาตลอดเพราะเห็นว่า สงขลา เอฟซี มีความพร้อมทุกด้านทั้งในเรื่องการจัดการรวมถึงแฟนบอล ซึ่งตนแค่อยากที่จะขอความเป็นธรรมให้กับทีมเราเท่านั้น"

ติดตามข่าวกีฬารอบโลกได้ที่นี่ http://sport.sanook.com/

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

ระอุเบรก"วัวชน" เตะไทยลีก'เนวิน+นิพนธ์'ฟ้องแน่ชี้การเมืองแทรก

  
"บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานประชุมสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ ที่ห้องประชุมสมาคม เมื่อวันที่ 27 มกราคม โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง
          หลังประชุมนายวรวีร์ มอบหมายให้นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมแถลงต่อสื่อมวลชนว่า สืบเนื่องจากกรณีที่นักเตะและกองเชียร์สโมสรนครปฐม เอฟซี ก่อเหตุวิวาทเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2553 เป็นผลให้คณะกรรมการพิจารณาวินัยการแข่งขันตัดสินห้ามให้สโมสรนครปฐม เอฟซี ส่งทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลอาชีพเป็นระยะเวลา 2 ปี และปรับเงิน 1.5 แสนบาท รวมทั้งปรับเงินผู้เล่นที่ก่อเหตุวิวาท 1 หมื่นบาท และดำเนินคดีตามกฎหมาย ทางสโมสรได้ยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษห้ามแข่งขันจาก 2 ปี เหลือ 1 ปี โดยไม่ได้แก้ต่างความผิด ซึ่งสภามีมติไม่รับการอุทธรณ์ เนื่องจากทางสโมสรยังไม่ได้จ่ายค่าปรับตามข้อตกลง ทำให้นครปฐม เอฟซีไม่สามารถลงแข่งขันในฤดูกาล 2012 ได้
          ด้านกรณีสโมสร บุรีรัมย์ เอฟซี จะโอนหุ้นและสิทธิการแข่งขันให้บริษัทสโมสรฟุตบอลสงขลา จำกัด ได้หรือไม่นั้น ตามหลักกฎหมายและกฎการแข่งขันแล้ว สโมสรบุรีรัมย์ เอฟซีสามารถโอนหุ้นให้สโมสรฟุตบอลสงขลา จำกัดได้ แต่สิทธิการแข่งขันไม่สามารถโอนได้ ถือว่าเป็นการขัดกับกฎระเบียบของการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม สมาคมฟุตบอลฯ และบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ซึ่งมีอำนาจในการให้สิทธิการแข่งขันจะพิจารณาเป็นรายกรณี
          "บิ๊ก เปี๊ยก" กล่าวเสริมว่า กรณีถ้าหากบุรีรัมย์เอฟซี จะส่งทีมแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล2012 จะต้องไม่ใช่สนามเหย้าเดียวกับบุรีรัมย์ยูไนเต็ด หรือถ้าหากไม่ส่งทีมเข้าแข่งขัน ฝ่ายจัดการแข่งขันจะพิจารณาให้สิทธิ ปตท.ระยองทีมอันดับ 4 ของดิวิชั่น 1 เลื่อนชั้นขึ้นมาไทยพรีเมียร์ลีก ส่วนกรณีสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษจำกัด จะขอย้ายสนามเหย้าไปที่สนามกีฬากลางจังหวัดอุบลราชธานีนั้น ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี สามารถ   ย้ายสนามเหย้าไปที่สนามกีฬากลางจ.อุบลราชธานี ได้ แต่ต้องเปลี่ยนชื่อสโมสรซึ่ง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด กล่าวเสริมว่า ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ทำเรื่องขอเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น"อีสาน ยูไนเต็ด"
          ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรสงขลา เอฟซี กล่าวว่า "การบริหารงานของสมาคมฟุตบอลมี 2 มาตรฐาน ไม่มีความยุติธรรมเรามีความชอบธรรมทุกอย่างในการโอนสิทธิแต่กลับถูกสมาคม ตัดสินแบบไม่เป็นธรรมผู้บริหารสมาคมนำการเมืองมาปะปนกับกีฬาทำไมทีทีเอ็มจึง ไปรวมกับเชียงใหม่ได้ และทำไมศรีสะเกษจึงย้ายไปอยู่กับอุบลฯได้ เป็นเพราะตนและนายเนวินอยู่ฝ่ายค้าน แต่ทั้งสองทีมอยู่ฝ่ายรัฐบาลใช่หรือไม่"
          ขณะที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ กล่าวว่า "เป็นเวรกรรมของฟุตบอลไทย ได้คุยกับคุณนิพนธ์แล้ว เรื่องนี้มีการเมืองมาแทรก ผมได้ข้อสรุปกับคุณนิพนธ์ว่าต้องรักษาสิทธิของตัวเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ ต้องทำให้เป็นกรณีตัวอย่างผมถามไปยังสมาคมว่า กรณีทีทีเอ็มไปเชียงใหม่ทำไมทำได้ กรณีศรีสะเกษไปอุบลฯ ทำไมทำได้แต่บุรีรัมย์ขายหุ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้สงขลา ทำไมทำไม่ได้ ก็ต้องไปว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม"


มติชน ฉบับวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

บิ๊กนิพนธ์ ปธ.สงขลาฯ จับมือบิ๊กเน ปธ.บุรีรัมย์ฯ





บิ๊กนิพนธ์ นิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรสงขลา เอฟซี เผยข่าวดีซื้อสิทธิ์ บุรีรัมย์ เอฟซี  ลุยไทยลีกซีซั่นหน้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องสิทธิ์ดิวิชั่น 1 ยังไม่ยืนยันให้สิทธิ์ หาดใหญ่ เอฟซี รอแถลงข่าวเร็วนี้

ความเคลื่อนไหวของทีม "วัวชนแดนใต้" สงขลา เอฟซี ทีมดังแห่งศึกดิวิชั่น 1 ซึ่งซีซั่นนี้ต้องพลาดเป้าหมายการขึ้นไปเล่นในศึกไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า อย่างน่าเสียดาย โดยที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะซื้อสิทธิ์สโมสร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคลงแข่งขันลีกสูงสุดของประเทศฤดูกาลหน้า ล่าสุดได้รับข่าวดีเมื่อจะได้สิทธิ์ลงเล่นในศึกไทยพรีเมียร์ลีกเป็นที่แน่ นอนแล้ว แต่เป็นการซื้อสิทธิ์สโมสร บุรีรัมย์ เอฟซี แทน

โดยบิ๊กนิพนธ์ นายนิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรสงขลา เอฟซี ออกมาเผยข่าวดีกับแฟนบอลว่า ตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เราจะได้สิทธิ์ลงเล่นในศึกไทยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า ในสิทธิ์ของทีมบุรีรัมย์ เอฟซี แชมป์ดิวิชั่น 1 แทนการซื้อสิทธิ์สโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เนื่องจากสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ จะซื้อสิทธิ์ขาดของสโมสร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาบริหารงานแบบร้อยเปอร์เซ็น เพื่อลบข้อครหาเรื่องสิทธิ์ลงเล่นฟุตบอลรายการเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และใช้ชื่อใหม่เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดนยินดีที่จะโอนสิทธิ์ของ บุรีรัมย์ เอฟซี ให้กับ สงขลา เอฟซี แทน

โดยปธ.สโมสรสงขลา เอฟซี ยังเผยอีกว่า ในส่วนของเงินที่เราจ่ายให้กับสโมสรบุรีรัมย์ เอฟซี นั้นตนไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นเท่าไหร่ แต่บอกได้เลยว่าไม่มากอย่างที่คิดกัน ทั้งนี้ตนเชื่อว่าสาเหตุที่สโมสรบุรีรัมย์ เอฟซี โอนสิทธิ์ให้เรานั้นเนื่องจากมองว่าสโมสร สงขลา เอฟซี มีความพร้อมทุกด้านทั้งในเรื่องของแฟนบอลที่มีมากกว่าหลายทีมในศึกไทยลีก เห็นได้จากค่าเฉลี่ยแฟนบอลเข้าชมเกมซีซั่นนี้เรามากกว่าหลายทีมอยู่ในไทยลี กด้วยซ้ำ และตนก็รู้สึกดีใจแทนแฟนบอลภาคใต้ที่จะได้ดูบอลไทยลีก เพราะฤดูกาลนี้ต้องยอมรับว่าการที่ลีกสูงสุดของประเทศมีทีมลงเล่นไม่ครบทุก ภาคเหมือนขาดอะไรไปอย่าง

นายใหญ่สงขลายังได้กล่าวอีกว่า ตนต้องขอขอบคุณสโมสร บุรีรัมย์ เอฟซี อีกครั้งที่ไว้วางใจเราและโอนสิทธิ์ให้กับเรา และตนก็หวังว่าจะทำทีมประสบความสำเร็จเหมือนกับทีมสโมสร บุรีรัมย์ เอฟซี รวมถึง บุรีรัมย์ พีอีเอ ประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ และหวังว่าแฟนบอลชาวสงขลาจะมีความสุขกับการได้ดูฟุตบอลลีกสูงสุดซักที โดยตอนนี้เราก็คงจะต้องไปพูดคุยกันระหว่างผู้บริหารให้มีความเป็นมืออาชีพ มากขึ้น ทั้งในเรื่องการจัดการรวมถึงนักเตะที่จะดึงมาร่วมทีมเพื่อให้มีความแข่ง แกร่งและพร้อมลงเล่นในลีกที่แกร่งกว่าดิวิชั่น 1

สำหรับสิทธิ์ของทีมสงขลา เอฟซี ในส่วนของศึกดิวิชั่น 1 ซึ่งตอนแรกมีข่าวว่าอาจจะมอบสิทธิ์นี้ให้กับ หาดใหญ่ เอฟซี นั้น บิ๊กนิพนธ์เผยว่า สำหรับเรื่องนี้ยังไม่มีการสรุปว่าจะให้สิทธิ์นี้กับทีมใด ซึ่งคงต้องให้เวลาตนรวมถึงบอร์ดบริหารได้มีการพูดคุยกันก่อน และน่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเร็ววันนี้อย่างแน่นอน


http://www.thaileagueonline.com/news-11885-สงขลายังอุบเงียบเรื่องสิทธิ์ด.1 หลังได้ลุยไทยลีกแล้ว.html

บิ๊กนิพนธ์ ยันสงขลาให้อำนาจเซอร์เด็จเลือกนักเตะตามใจชอบ


นิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสร สงขลา เอฟซี รับสโมสร  เตรียมแต่งตัง จเด็จ มีลาภ เป็นกุนซือใหญ่อย่างเป็นทางการเร็วนี้ ส่วนเรื่องนักเตะใช้งานซีซั่นหน้าให้กุนซือใหม่ตัดสินใจ

ความเคลื่อนไหวของทีม "วัวชนแดนใต้" สงขลา เอฟซี น้องใหม่ศึกไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า หลังจากที่เกือบจะแน่นอนแล้วว่า ฤดูกาลหน้าจะได้ตัวเซอร์เด็ด จเด็จ มีลาภ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสร ชลบุรี เอฟซี มาคุมทีม ล่าสุดนายนิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรออกมาพูดถึงแผนการเตรียมทีมฤดูกาลหน้าว่า

โดยนายใหญ่วัวชนเผยว่า ตอนนี้น่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า "เราจะได้ จเด็จ มีลาภ มาคุมทีม ในส่วนของแผนการเตรียมทีมนั้น ตนก็เตรียมให้กุนซือรายนี้เป็นคนจัดทั้งหมด ทั้งในเรื่องของผู้เล่นที่เราจะใช้งานในฤดูกาลหน้า โดยตอนนี้เราได้ปล่อยทุกคนกลับไปพักผ่อนหลังจากที่ลงเล่นนัดสุดท้ายเมื่อวัน เสาร์ที่ผ่านมา โดยจะเรียกรวมตัวฝึกซ้อมวันที่ 28 ม.ค. ภายใต้การทำทีมของกุนซือใหม่"

ทั้งนี้ปธ.สโมสร สงขลา เอฟซี ยังเผยอีกว่า "ในส่วนของนักเตะที่เป็นข่าวกับสโมสร ทั้งผู้เล่นจากสโมสร ชลบุรี เอฟซี ที่อาจจะตามกุนซือใหม่ของเรามานั้น ตอนนี้ตนยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีใครมาเล่นบ้าง ทั้งนี้ต้องรอคุยกับกุนซือคนใหม่อย่างเป็นทางการก่อนถึงแผนการทำทีม โดยตัวผู้เล่นจะให้กุนซือเป็นคนเลือกว่าอยากเก็บผู้เล่นเก่ารายใดไว้ใช้งาน บ้าง รวมถึงผู้เล่นใหม่ซึ่งก็คงต้องแล้วแต่โค้ชว่าอยากได้ใครแล้วนำมาเสนอบอร์ด บริหาร ซึ่งพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอยู่แล้ว"

บิ๊กนิพนธ์ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "ในเร็วนี้ตนเตรียมที่จะเข้าไปพบกับบอร์ดบริหารของ ชลบุรี เอฟซี เพื่อพุดคุยถึงรายละเอียดต่างๆในการดึงตัวจเด็จมาคุมทีม แม้ว่าจะมีการพูดคุยกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นทางการซึ่งตนคิดว่าแม้ว่าทางชลบุรีจะไม่มีปัญหาอะไรแต่เราก็ ต้องทำเพื่อมารยาท ส่วนการเปิดตัวกุนซือใหม่ให้กับแฟนบอลได้รู้จักนั้นจะมีขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนวันเวลาเรายังไม่ได้กำหนดแน่ชัด แต่หากแน่ชัดจะแจ้งให้แฟนบอลได้ทราบอย่างแน่นอน"
 

คอลัมน์ อาณาจักรกีฬา

'นิพนธ์'ปลื้มวัวชนได้สิทธิ์ขึ้นไทยลีก

ข่าวสด ฉบับวันที่ 14 ม.ค. 2555 (กรอบบ่าย)

วัวชนจัดบอลวันเด็ก