กระผมนายนิพนธ์ บุญญามณี สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ใคร่ขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนและพี่น้องชาวจังหวัดสงขลาทุกท่าน ที่ได้ให้ความกรุณาสนับสนุนกระผมและไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ กระผมได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนด้วยความสำนึกของความเป็นผู้แทนราษฎรด้วยดีตลอดมา การสนับสนุนของท่านทั้งหลายเป็นสิ่งที่มีค่าสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเสมือนหนึ่งพันธสัญญาที่กระผมได้ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน



วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 2 Money Expo Hatyai 2012 โดยมี นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายจรัมพร โชติกเสถียรกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ นายสรสิทธิ สุนทรเกศ รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา นายสมบูรณ์ พฤกษานุศักดิ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรม นายพิชิต เรืองแสงวัฒนา รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และนายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานบรรณาธิการ การเงินธนาคาร และประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo ร่วมพิธีเปิดงาน          สำหรับ งานมหกรรมการเงิน หาดใหญ่ ครั้งที่ 2 Money Expo Hatyai 2012 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ภายใต้แนวคิด “การเงินดีชีวิตดี : Better Money Better Life”

ที่มา:http://www.thaipr.net

'นิพนธ์ บุญญามณี'กับ...ปาฏิหาริย์พระหลวงพ่อทวดนับครั้งไม่ถ้วน


หากเอ่ยถึงชื่อของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่าคงมีหลายคนที่มีชื่ออันเป็นที่รู้จักของคอการเมืองมากมาย ทั้งโดยเฉพาะฝีไม้ลายมือจากผลงานอันโดดเด่นทั้งในและนอกสภา จากการทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นเชื่อว่าคงต้องมีนามของ “นายนิพนธ์ บุญญามณี” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๘ สมัยจาก จ.สงขลา รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
 
              ปัจจุบัน “นายนิพนธ์” ยังเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายและบริหารงบประมาณ ในคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งยังผ่านตำแหน่งระดับสูงระดับรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง ตลอดระยะเวลาการทำหน้าที่ผู้แทนบนถนนสายการเมืองระดับชาติ ผลงานมากมายที่ติดตาคอข่าวการเมืองไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายในรัฐสภาที่มีลีลา เด็ดดวง รวมไปถึงการทำหน้าที่นักการเมืองระดับชาติ ที่มีเอกลักษณ์และบุคลิกภาพที่สุขุม ลุ่มลึก แต่แฝงไปด้วยความตรงไปตรงมาชนิดยอมหัก ไม่ยอมงอ ทำให้กลายเป็นขวัญใจของชาวสงขลามาอย่างยาวนาน
 
              ด้วยความที่เป็นคนตรงดุจไม้บรรทัด ยามที่เห็นสิ่งใดไม่ถูกไม่ควรมักจะเดินเข้าไปจัดการแก้ไขให้ทุกอย่างเป็นไป ตามครรลองเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ยังชอบทำงานเพื่อสังคมชนิดถึงไหนถึงกัน ขอให้รู้ข่าวความเดือดร้อนของชาวบ้าน “นายนิพนธ์” จะบุกไปคลี่คลายความเดือดร้อนทุกที่ทันทีที่รู้ข่าว
 
              ดังนั้น สิ่งที่ทำให้ผู้แทนจาก จ.สงขลา คนนี้ มีกำลังใจก้าวเดินหน้าท้าชนกับปัญหาที่ก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนได้ทุก เรื่อง นั่นคือ “พระเครื่อง” เพราะไม่ใช่มั่นใจว่ามีพระดี แต่เชื่อว่าหากไปทำความดี “พระย่อมคุ้มครองคนตั้งใจดี” อย่างแน่นอน ซึ่งทุกครั้งก็ได้ประจักษ์ในสิ่งที่เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน นั่นคือ การพาชาวบ้านผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ มาได้ด้วยดีเสมอ
 
              นายนิพนธ์ บอกว่า "พระเครื่องหรือวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นด้วยพระผู้มีวัตรปฏิบัติงดงาม รวมถึงเจตนาอันดีในการจัดสร้าง ล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ ดังนั้นสิ่งมงคลในองค์พระจะคุ้มครองผู้กระทำดีเสมอ ขอให้เชื่อมั่น และไม่กระทำตนให้นอกลู่นอกทาง ชีวิตจะปรากฏแต่สิ่งดีแน่นอน”
 
              ในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจะขวนขวาย หรือแสวงหาพระดี พระเด่น หรือพระดัง มาอยู่กับตัวมากแค่ไหน ก็ตาม หากไม่ยึดปฏิบัติในกรอบแห่งความดี หรือกระทำแต่สิ่งที่ผิดศีลธรรมอันดีงาม ทั้งในทางโลกและทางธรรม  ก็คงไม่มีประโยชน์อันใดที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองให้ชีวิตของบุคลนั้นๆ ได้ดี หรือประสบความสำเร็จ เข้าตำราที่ว่า “พระไม่คุ้มครองคนชั่ว” นั่นเอง
 
              ด้วยความที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นชาวสมิหลา สงขลา โดยกำเนิด ทำให้ตั้งแต่เกิดมามี "พระหลวงพ่อทวด" คล้องคอมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งในสมัยนั้นจำความได้ว่า ชีวิตรอดพ้นอุบัติเหตุมาหลายครั้งหลายคราวนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ทั้งเรื่องรถรา หรือแม้กระทั่งพลัดตกจากต้นไม้ ซึ่งไม่เคยมีบาดแผลปรากฏติดตัวมาเลย
 
              เมื่อครั้งเป็นเด็ก พระที่ห้อยคอติดตัวมีทั้ง พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ รวมถึงเหรียญรุ่นแรก  และรุ่นอื่นๆ ที่ทัน “พระอาจารย์ทิม” อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้เป็นผู้ปลุกเสก ต่อมาเมื่อโตเป็นหนุ่ม กระทั่งเข้าสู่เส้นทางการเมือง จึงหันมาแขวน “เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์” ปี ๒๕๐๘ ซึ่งเป็นเหรียญที่อาราธนาติดตัวเป็นประจำ จนถึงทุกวันนี้
 
              “หลวงพ่อทวดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กับคนใต้และคนสงขลาชนิดแยกกันไม่ออก และที่สำคัญผมมั่นใจว่าชาวพุทธแทบทุกคน และทุกบ้านต้องรู้จักและมีพระหลวงพ่อทวด บูชาเพื่อเป็นสิริมงคล เฉกเช่นเดียวกับครอบครัวผมอย่างแน่นอน พระหลวงพ่อทวดไม่เคยห่างตัวผมเลย เพราะนอกจากชีวิตจะแคล้วคลาดภัยอันตรายแล้ว  ยังมีความเจริญรุ่งเรืองมาตลอดอีกด้วย โดยเฉพาะการนำพาผมเข้าสู่เส้นทางการเมือง จวบจนกระทั่งทุกวันนี้”  นายนิพนธ์ กล่าวยืนยัน
 
              นอกจาก เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี ๒๕๐๘ แล้ว ยังมี "พระซุ้มกอ เมืองกำแพงเพชร”  และ “ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป" ของ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ซึ่งถือเป็นพระเครื่องและวัตถุมงคลที่อยู่คู่กายมาหลายสิบปี แม้จะมีพระอื่นๆ อีกหลายชุด แต่ชุดนี้มีประสบการณ์แคล้วคลาด และเกิดเรื่องดีๆ กับตัวมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
 
              “พระเครื่องย่อมคุ้มครองคนธรรมดี ฉะนั้น บุคคลคนนั้นย่อมต้องสร้างกรรมดีเพื่อทดแทนพระคุณให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเสริมแรงและสร้างบารมี เพื่อในวันข้างหน้าบุญกุศลเหล่านั้นจะกลับมาปกปักษ์รักษาให้เราเองก้าวพ้น เภทภัยได้นั่นเอง” นายนิพนธ์ กล่าว

              ทั้งนี้ นายนิพนธ์  พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือประชาคนธรรมดา ย่อมถวิลหาพระเครื่อง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอยู่กับตัวด้วยกันทั้งสิ้น แต่อยากให้ทุกคนหันกลับไปมองของดีใกล้ตัว ที่ใครๆ ก็มีเหมือนกันทุกคน นั่นคือ “บิดา” และ  "มารดา” ซึ่งถือเป็น "พระในบ้าน” หากใครกราบเคารพบูชาพ่อและแม่ เชื่อเถิดว่า ชีวิตจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน”
 
              ในฐานะ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งเป็นคนพื้นเพภาคใต้ ทำให้ "นายนิพนธ์" ได้เข้าไปมีส่วนขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ตลอดช่วงเวลา ๗-๘ ปี ที่ผ่านมา อย่างต่อเนื่อง จนขึ้นชื่อว่า เป็นบุคคลหนึ่งที่คร่ำหวอดอยู่ในพื้นที่ปลายด้านขวาน ด้วยเป้าหมายหลักที่ต้องการนำความสันติสุขกลับคืนมาสู่ประชาชนในพื้นที่โดย เร็ว นั่นเอง
 
              ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความเข้าใจสถานการณ์ในหลากหลายมิติ กระทั่งได้เป็นส่วนหนึ่งของการพลิกฟื้นให้เกิด "ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้" หรือ ศอ.บต. ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อวางรากฐานการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่มีระบบ ขั้นตอนและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
              จนการเลือกตั้งในช่วงกลางปี ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ได้เข้ามาบริหารจัดการดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถนำทีมพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งมากถึง ๙ ที่นั่ง จากจำนวน ๑๑ ที่นั่ง แม้ว่าบนเส้นทางการเมืองจะไม่สามารถจัดตั้งเป็นรัฐบาลได้ แต่ด้วยความเข้าใจและความห่วงใยในสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ทำให้ยังคงต้องเดินหน้าติดตามและดูแลปัญหาอย่างเนืองๆ โดยเฉพาะความห่วงใยในประเด็นความไม่เป็นธรรม ตลอดจนการสร้างความชอบธรรมให้กับสังคมในพื้นที่ รวมถึงการดูแลมาตรการการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งต้องได้รับความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียมกัน

              "ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ เกิดจากสังคมชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรของรัฐในอดีต ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด คือ ต้องสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในพื้นที่ให้จงได้ ดังนั้นเงื่อนไขใดๆ ก็ตาม ที่นำมาสู่การขัดแย้งและไม่เป็นธรรม รัฐบาลต้องเลี่ยงให้ไกล เพื่อหันหน้านำความเป็นธรรม และความเท่าเทียมกัน มาสู่สังคมปลายด้ามขวานอย่างแท้จริง" นายนิพนธ์ กล่าว

ที่มา:เว็บไซต์เครือเนชั่น